การชำระเงินออนไลน์สู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเงินและผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

ปัจจุบันในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การชำระเงินออนไลน์กลายเป็นทางเลือกหลักในการทำธุรกรรมทางการเงินของคนไทย ทั้งในการซื้อสินค้าออนไลน์, การโอนเงิน, หรือการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และ แนวโน้มพฤติกรรมการชำระเงินออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อ เศรษฐกิจไทย และ อนาคตของประเทศ ในหลายมิติสามารถแบ่งได้ 3 ปัจจัยดังนี้

1. แนวโน้มพฤติกรรมการชำระเงินออนไลน์ของคนไทย

การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการชำระเงินของคนไทยสามารถสังเกตได้จากปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  • การใช้แอปพลิเคชันธนาคารและกระเป๋าเงินดิจิทัล (E-wallet): คนไทยหันมาใช้แอปธนาคารหรือกระเป๋าเงินดิจิทัล (E-wallet) ในการทำธุรกรรมทางการเงินมากขึ้น เช่น TrueMoney, Rabbit Line Pay, พร้อมเพย์ และ Mobile Banking ช่วยให้การทำธุรกรรมสะดวกและรวดเร็วขึ้น

  • การชำระเงินผ่าน QR Code: บริการชำระเงินผ่าน QR Code ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในร้านค้าทั่วไปที่ให้บริการชำระเงินโดยไม่ต้องใช้เงินสด การใช้ QR Code นี้สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย

  • การซื้อของออนไลน์: การชำระเงินออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ e-Commerce เช่น Lazada, Shopee หรือ JD Central กำลังเป็นที่นิยม และการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต/บัตรเดบิต หรือการโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคารเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับมากขึ้นในหมู่ผู้บริโภค

  • ความสะดวกสบายและความปลอดภัย: ปัจจุบันคนไทยหันมาเลือกใช้ช่องทางการชำระเงินออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง เช่น การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (2FA) และการเข้ารหัสข้อมูลที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำธุรกรรม

การชำระเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร (Mobile Banking) ในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2566 (2023) โดยสถิติจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พบว่ามีจำนวนบัญชี Internet & Mobile Banking ถึง 136.1 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2566

2. กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

แนวโน้มการชำระเงินออนไลน์ส่งผลกระทบอย่างมากต่อ เศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการสร้างโอกาสใหม่ ๆ และกระตุ้นการเติบโตในหลายด้าน:

  • การเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล: การชำระเงินออนไลน์เป็นส่วนหนึ่งของการผลักดัน เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งมีส่วนช่วยขับเคลื่อนภาคธุรกิจออนไลน์ เช่น การค้าออนไลน์, การตลาดดิจิทัล, และการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่เติบโตเร็วขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

  • การสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs): การที่ธุรกิจขนาดเล็กสามารถใช้ระบบการชำระเงินออนไลน์ได้ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลงทุนในระบบการชำระเงินที่ซับซ้อนหรือลงทุนสูง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ SMEs ขยายตลาดไปในระดับสากลได้มากขึ้น

  • การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม: การชำระเงินออนไลน์ช่วยให้เงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้รวดเร็วขึ้น ลดขั้นตอนการใช้เงินสดและการทำธุรกรรมที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและการบริการ

  • การส่งเสริมการลงทุน: การเพิ่มขึ้นของการชำระเงินออนไลน์ทำให้ประเทศไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) ในประเทศไทยกำลังเติบโตและได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก

3. ผลกระทบต่ออนาคตของประเทศไทย

การชำระเงินออนไลน์จะยังคงมีบทบาทสำคัญในอนาคตของประเทศไทย โดยมีผลกระทบในด้านต่าง ๆ ดังนี้

  • การยกระดับบริการการเงิน: การชำระเงินออนไลน์ช่วยเพิ่มการเข้าถึงบริการการเงินสำหรับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเดินทางไปยังธนาคารหรือสถานที่ที่มีเครื่อง ATM ซึ่งทำให้การทำธุรกรรมทางการเงินเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสำหรับทุกคน

  • การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ: การใช้บริการการชำระเงินออนไลน์ในประเทศไทยช่วยสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) และเทคโนโลยีการชำระเงิน เช่น Blockchain หรือ Cryptocurrency ซึ่งอาจมีบทบาทสำคัญในอนาคตในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรม

  • การสร้างงานและโอกาสใหม่: ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ e-Commerce, การเงินดิจิทัล, และ การพัฒนาแอปพลิเคชัน จะสร้างโอกาสในการจ้างงานและการสร้างธุรกิจใหม่ในอนาคต โดยมีการเติบโตในหลายด้าน เช่น การตลาดดิจิทัล, การพัฒนาแอปพลิเคชัน, และงานที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี

ดังนั้นการชำระเงินออนไลน์ในประเทศไทยไม่เพียงแค่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้เงินของคนไทยเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบในหลายด้านทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และ อนาคตของประเทศไทย โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมทางการเงิน การกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล,และการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ การชำระเงินออนไลน์ช่วยให้ประเทศไทยเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลและเตรียมพร้อมเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีการเงินใหม่ ๆ ในอนาคต

Image