ศึกแดงเดือด ระหว่าง แมนยู กับ ลิเวอร์พูล: ดาร์บี้แมตช์แห่งศักดิ์ศรี

"ศึกแดงเดือด" หรือที่คนอังกฤษรู้จักกันในชื่อ (North West Derby) คือชื่อเรียกของการแข่งขันฟุตบอลสุดเดือดระหว่างสองสโมสรยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) และ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการแข่งขันที่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลกมากที่สุดรวมถึงในไทยที่มีแฟนบอลที่เหนียวแน่นกันทั้งทีมจนเรียกว่า “แดงเดือด” ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของทั้งสองเมือง และ สองสโมสร เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความภาคภูมิใจ และการแข่งขันที่ไม่มีวันลดความร้อนแรงลง


ต้นกำเนิดของความขัดแย้ง

ศึกแดงเดือดไม่ได้เริ่มจากสนามฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังมีรากเหง้าทางเศรษฐกิจและสังคมที่ฝังลึกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยเมือง แมนเชสเตอร์ และ ลิเวอร์พูล ต่างเป็นเมืองอุตสาหกรรมที่สำคัญของอังกฤษ โดยเฉพาะในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ความขัดแย้งเริ่มชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อแมนเชสเตอร์สร้างคลองเชื่อมตรงสู่ทะเล เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ท่าเรือลิเวอร์พูล ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจของลิเวอร์พูลโดยตรง และกลายเป็นเชื้อไฟที่ขยายสู่สนามฟุตบอลในเวลาต่อมา


ความยิ่งใหญ่ของทั้งสองทีม

  • ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในอังกฤษในแง่ของถ้วยยุโรป โดยคว้าแชมป์ UEFA Champions League ได้ถึง 6 สมัย และแชมป์ลีกอังกฤษรวมกว่า 20 สมัย นับจนถึงปัจจุบัน

  • แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีฐานแฟนบอลจำนวนมากทั่วโลก และครองแชมป์พรีเมียร์ลีกมากที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก (13 สมัย) รวมถึงคว้าแชมป์ลีกทั้งหมด 20 สมัย และแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 3 สมัย

ด้วยความสำเร็จเหล่านี้ การเจอกันของทั้งสองทีมจึงไม่ใช่แค่เกมธรรมดา แต่เป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของสโมสร ผู้จัดการทีม นักเตะ และแฟนบอล


เกมที่เต็มไปด้วยอารมณ์

ทุกครั้งที่แมนยูเจอลิเวอร์พูล สนามจะเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เข้มข้น แฟนบอลทั้งสองฝ่ายต่างเฝ้ารอวันแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อ เกมมักจะเต็มไปด้วยการปะทะ การวิ่งไล่บี้ และความตึงเครียดจากเสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มทั้งสนาม ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร ความทรงจำจากเกมนี้จะอยู่ในใจแฟนบอลไปอีกนาน

แม้ในแต่ละฤดูกาลผลงานของทั้งสองทีมอาจมีขึ้นมีลง แต่ทุกครั้งที่แมนยูเจอลิเวอร์พูล เกมนี้จะถูกขนานนามว่า “เกมแห่งฤดูกาล” เสมอ เพราะมันเป็นมากกว่าฟุตบอล — มันคือการแข่งขันของประวัติศาสตร์, เกียรติยศ และความภาคภูมิใจของแฟนบอลทั้งสองฝั่ง

“ศึกแดงเดือด” คือการแข่งขันที่สื่อถึงอารมณ์แท้จริงของฟุตบอล ไม่ใช่แค่การทำประตูหรือชัยชนะ แต่คือการสู้เพื่อศักดิ์ศรีของสโมสรที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและประวัติศาสตร์ การเจอกันของแมนยูและลิเวอร์พูลจึงไม่เคยธรรมดา และจะยังคงเป็นหนึ่งในดาร์บี้แมตช์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอลต่อไป

เหตุการณ์ดราม่าและแมตช์ประวัติศาสตร์ในศึกแดงเดือด

1. แมตช์ปี 1995: "คันโตน่าคัมแบ็ค"

หนึ่งในแมตช์ที่โด่งดังที่สุดคือเกมเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 1995 หลังจากที่ เอริก คันโตน่า พ้นโทษแบน 8 เดือนจากเหตุการณ์เตะแฟนบอล เกมแรกที่เขากลับมาคือการเจอกับลิเวอร์พูลที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งเขาทำแอสซิสต์และยิงจุดโทษช่วยให้แมนยูเสมอลิเวอร์พูล 2-2 ถือเป็นการกลับมาที่สมบูรณ์แบบและเต็มไปด้วยอารมณ์


2. แมตช์ปี 2009: "4-1 ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด"

ลิเวอร์พูลบุกไปถล่มแมนยูถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด 4-1 โดยมีประตูจาก เฟร์นานโด ตอร์เรส, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ อันเดรีย โดเซน่า ถือเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดของแมนยูในยุคของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบ้านตัวเอง


3. แมตช์ปี 2011: "ใบแดงของเจอร์ราร์ด"

วันที่ 9 มกราคม 2011 ในศึก FA Cup รอบ 3 เจอร์ราร์ดโดนไล่ออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่ 32 จากการเข้าสกัดอย่างรุนแรงใส่ไมเคิล คาร์ริค ทำให้แมนยูเอาชนะไปได้ 1-0 จากจุดโทษของ ไรอัน กิ๊กส์ เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ดราม่าที่สะเทือนใจแฟนหงส์แดง


4. แมตช์ปี 2014: "ใบแดง 38 วินาทีของเจอร์ราร์ด"

แมตช์นี้กลายเป็นตำนานดราม่าที่เจ็บปวดที่สุดของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อีกครั้ง เพราะเขาถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลัง แต่ใช้เวลาเพียง 38 วินาที ก็ถูกไล่ออกทันทีหลังย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรร่า ลิเวอร์พูลแพ้ไป 2-1 และเหตุการณ์นี้กลายเป็นฉากจบอันเจ็บปวดในศึกแดงเดือดสำหรับกัปตันหงส์แดง


5. แมตช์ปี 2021: "หงส์บุกยิงยับ 5-0"

ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ลิเวอร์พูลบุกถล่มแมนยูถึงโอลด์แทรฟฟอร์ด 5-0 โดย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงแฮตทริกใส่ปีศาจแดงอย่างโหดเหี้ยม เป็นความพ่ายแพ้ที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ศึกแดงเดือดยุคพรีเมียร์ลีก และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำไปสู่การปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ในเวลาต่อมา


6. แมตช์ปี 2023: "7-0 อันเลื่องลือ"

นี่คือสถิติ ความพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ของแมนยู เมื่อพวกเขาบุกไปแพ้ให้กับลิเวอร์พูลถึง 7-0 ที่แอนฟิลด์ โดยมีผู้ทำประตูอย่าง โคดี กัคโป, ดาร์วิน นูนเญซ, โม ซาลาห์, และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ เป็นเกมที่ทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลเฉลิมฉลอง และแฟนแมนยูต้องช็อกไปทั้งโลก

บทความจาก pintippost(ปิ่นทิปโพสต์) - pintippost.com

Image